Starlink บริการอินเทอร์เน็ตผ่านดาวเทียม ก้าวต่อไปของเทคโนโลยีด้านการสื่อสาร


     คงปฏิเสธไม่ได้ว่าอินเทอร์เน็ตเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่งในปัจจุบันนี้ เพราะเราสามารถเข้าถึงข้อมูลข่าวสารได้อย่างรวดเร็ว แต่ก็ยังมีคนอีกกว่า 50% ของประชากรบนโลกนี้ ที่ไม่สามารถเข้าถึงอินเทอร์เน็ตได้อย่างสะดวกสบายเพราะข้อจำกัดด้านภูมิศาสตร์ 
     Starlink คือ Project ของบริษัท SpaceX ที่ใช้บริการอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงผ่านดาวเทียมเพื่อที่จะให้บริการทั่วถึงทุกมุมโลก ขณะที่อินเทอร์เน็ตที่เราใช้ปัจจุบันนั้น มีการเชื่อมต่อโดยการโยงโดยใช้สาย Fiber Optic ทั้งบนพื้นดินและใต้ทะเลสร้างเป็นเครือข่ายทั่วโลก แต่การใช้อินเทอร์เน็ตผ่านดาวเทียมนั้นเป็นประโยชน์มากโดยเฉพาะในพื้นที่ห่างไกล ในป่า ในเขา กลางทะเล บนเครื่องบิน เป็นต้น หรือไม่ว่าเราจะอยู่บนพื้นที่ส่วนใดของโลกเราก็จะสามารถเข้าถึงอินเทอร์เน็ตได้นั้นเอง

กรณีใช้งานของ Starlink

ในพื้นที่ห่างไกล: ในพื้นที่ห่างไกลเมืองในหลายๆประเทศนั้น ยังเป็นปัญหาในการเข้าถึงอินเทอร์เน็ต อาจจะด้วยสภาพภูมิศาสตร์เช่น มีพื้นที่ราบสูง ทำให้การลงทุนเดินสาย Fiber Optic อาจจะลำบากหรือไม่คุ้มค่าสำหรับการติดตั้ง แต่หากเราใช้สัญญาณจากดาวเทียมนั้นจะสามารถผ่านข้อจำกัดนี้ไปได้อย่างง่ายดาย

บนเครื่องบิน: ปัจจุบันเราสามารถใช้อินเทอร์เน็ตบนเครื่องบินได้ แต่จะใช้สัญญาณจากดาวเทียมในวงโคจรสูง แต่หากเราใช้สัญญาณอินเทอร์เน็ตของ Starlink ซึ่งเป็นดาวเทียมวงโคจรต่ำ เราก็จะสามารถใช้สัญญาณอินเทอร์เน็ตที่มีความเร็วสูงขึ้นนั้นเอง

กลางทะเล: หากเราไปเที่ยวเกาะ หรือล่องเรืออยู่กลางทะเลแต่ต้องการใช้อินเทอร์เน็ตขึ้นมา การใช้สัญญาณจาก Starlink จะทำให้สะดวกสบายมากขึ้น

ภาวะสงคราม: ในภาวะสงครามนั้นโดยส่วนมากศัตรูมักจะโจมตีระบบสื่อสารและระบบโทรคมนาคมก่อน ซึ่งนั้นหมายถึงเสาวิทยุที่วางตามจุดต่างๆ หากเสาวิทยุถูกทำลายก็ทำให้ระบบสื่อสารก็ล่ม ไม่สามารถสื่อสารไปยังกองกำลังในจุดต่างๆได้ แต่ Starlink นั้นใช้สัญญาณจากดาวเทียมดังนั้นจะไม่มีปัญหาเรื่องระบบล่มเลยถือเป็นจุดได้เปรียบอย่างยิ่ง

อินเทอร์เน็ตผ่านดาวเทียมจะแรงเท่า Fiber Optic หรือ?

     อินเทอร์เน็ตผ่านดาวเทียมโดยทั่วไปนั้นจะเริ่มจากการยิงคลื่นวิทยุไปที่ดาวเทียม ซึ่งการส่งสัญญาณจะส่งได้เร็วหรือไม่นั้นก็ขึ้นอยู่กับวงโคจรของดาวเทียมว่าอยู่ใกล้หรือไกลโลก ปกติแล้วดาวเทียมจะมีวงโคจรที่ค่อนข้างไกลออกไปประมาณ 30,000 - 40,000 กิโลเมตร ยิ่งดาวเทียมอยู่ไกลออกไปจะทำให้พื้นที่ที่ให้บริการยิ่งกว้างขึ้น แต่นั้นก็แลกมากับจะทำให้สัญญาณอินเทอร์เน็ตล่าช้าหรือเกิดค่า Latency สูง ดังนั้นหากเทียบกับ Fiber Optic ที่ใช้ความเร็วแสงส่งผ่านเส้นใยด้านในจะพบว่า Fiber Optic นั้นส่งสัญญาณที่เร็วกว่าและ Latency น้อยกว่า
     แต่การส่งสัญญาณดาวเทียมของ Starlink นั้นแตกต่างจากดาวเทียมทั่วๆไปเพราะโคจรอยุ่ที่วงโคจรต่ำเพียงแค่ 550 กิโลเมตรเท่านั้น การที่มีวงโครจรต่ำนั้นจะทำให้ความเร็วอินเทอร์เน็ตสูงค่า Latency ต่ำ สัญญาณอินเทอร์เน็ตเทียบเท่าได้กับ Fiber Optic หรือดีกว่า แต่ด้วยวงโคจรที่ต่ำ Starlink ต้องใช้ดาวเทียมจำนวนมากประมาณกว่าหมื่นดวง เพื่อครอบคลุมมทุกพื้นที่ของโลก

ผลกระทบของ Starlink

     ถึงแม้ Project Starlink จะทำให้ผู้คนสามารถที่จะเข้าถึงอินเทอร์เน็ตได้ง่ายกว่าเดิม สะดวกสบายกว่าเดิมแต่ก็มีผลกระทบหลายๆอย่างที่ยังทำให้หลายคนสงสัยอยู่เช่นกัน

ด้านธุรกิจและการแข่งขัน: หากผู้คนทั่วโลกหันมาใช้ Starlink ในการเข้าถึงอินเทอร์เน็ตแทน บริษัทที่ยังใช้ Fiber Optic อยู่นั้นหมายความว่าบริษัทโทรคมนาคมทั่วโลกจะถูก Disturb ครั้งใหญ่และทำให้ธุรกิจอินเทอร์เน็ตไปผูกอยู่กับบริษัทเอกชนเพียงรายเดียว

ข้อกังวลเกี่ยวกับสิทธิ์เหนืออวกาศ: ในอนาคต Starlink อาจจะส่งดาวเทียมขึ้นไปหลายหมื่นดวงโคจรเหนือชั้นบรรยากาศ ซึ่งจะทำให้โลกเปรียบเสมือนมีวงแหวนเล็กๆล้อมรอบอยู่ ทำให้หลายคนกังวลว่าสิทธิ์ในชั้นบรรยากาศนั้นควรเป็นของทุกประเทศทั่วโลกร่วมกันกำหนดสิทธิ์ ไม่ใช่หน่วยงานใดหน่วยงานหนึ่งหรือบริษัทใดบริษัทหนึ่งได้สิทธิ์ไป

ด้านดาราศาสตร์: การที่ Starlink หลายหมื่นดวงไปโคจรรอบโลกนั้นแต่ละดวงจะมีแสดงสะท้อนกลับมา ทำให้เวลานักดาราศาสตร์จะศึกษาดวงดาวต่างๆถูกรบกวนด้วยแสงของดาวเทียมเหล่านั้น อย่างไรก็ตาม SpaceX ได้มีการกล่าวว่าจะมีการปรับปรุงสีของดาวเทียมเพื่อไม่ให้รบกวนการดูดาวของนักดาราศาสตร์

ขยะอวกาศ: ถึงแม้ Starlink จะเคลมว่าดาวเทียมของ Starlink เองสามารถที่จะทำลายตัวเองได้และเผาไหม้ในชั้นบรรยากาศได้หมดสิ้นไม่เหลือเป็นขยะอวกาศ แต่กระบวนการขนส่งเช่น จรวดที่ขนดาวเทียมขึ้นไป หรือดาวเทียมที่มีปัญหา ก็มีโอกาสจะทิ้งปัญหาขยะด้านอวกาศไว้เช่นกัน

เริ่มต้นใช้งาน Starlink


 Starlink Kit คือตัวรับสัญญาณจากดาวเทียมเพื่อเชื่อมต่อสัญญาณอินเทอร์เน็ต ตัว Starlink Kit มีขนาดเพียง 50x30cm น้ำหนักเพียง 4.2 kg สามารถติดตั้งได้เองโดยไม่ต้องใช้ผู้เชี่ยวชาญ ในประเทศไทยเองยังไม่สามารถใช้บริการ Starlink ได้ในขณะนี้แต่มีแนวโน้มที่จะสามารถใช้งานได้อีกไม่นาน
1. สั่งซื้อ Starlink Kit หรือดูรายละเอียดได้ที่ https://www.starlink.com/
2. ติดตั้ง Starlink Kit บริเวณหลังคาบ้านโดยตำแหน่งที่ติดตั้งจะต้องไม่มีอะไรมาบังเช่น ต้นไหม้ เสา ตึกข้างบ้าน เป็นต้น
3. เชื่อมต่อสาย Cable เข้ากับตัว Modem จากนั้นตัวจากจะเริ่มค้นหาสัญญาณดาวเทียมโดยอัตโนมัติ
4. ใช้ Starlink Application ซึ่งสามารถ Download ได้ทั้ง iOs และ Android เพื่อตั้งค่า Network เช็ค Speed และเริ่มใช้งานได้


ป้ายกำกับ

แสดงเพิ่มเติม

บทความยอดนิยม

Software Development Life Cycle (SDLC) คืออะไร ทำไมจำเป็นต่อการพัฒนาซอฟต์แวร์

Automation testing หรือ การทดสอบซอฟต์แวร์อัตโนมัติ คืออะไร ทำไมถึงสำคัญต่อการทดสอบซอฟต์แวร์

ม.ปลายอยากเข้าสายคอม วิทยาการคอม วิศวกรรมคอม เตรียมตัวอย่างไร ต้องมีพื้นฐานอะไรบ้าง

วิธีเก็บ วิเคราะห์ รวบรวม requirement อย่างไรให้มีประสิทธิภาพ

Performance Test คือ อะไร วัดประสิทธิภาพของระบบ ล่มไม่ล่ม จะรู้ได้อย่างไร

8 สิ่งที่ AI จะมาเปลี่ยนโลกในอนาคต

ถอดรหัสความลับเครื่อง Enigma จุดเริ่มต้นและจุดจบของสงครามโลกครั้งที่ 2