“STEM” หรือ “สะเต็ม” ประกอบด้วย 4 องค์ความรู้ด้วยกันคือ วิทยาศาสตร์ (Science) เทคโนโลยี (Technology) วิศวกรรมศาสตร์ (Engineer) และคณิตศาสตร์(Mathematics) แต่ก่อนนั้นองค์ความรู้แต่ละด้านจะถูกแยกออกจากกัน แต่ใน Generation ต่อไปองค์ความรู้ต่างๆจะถูกบูรณาการเข้าด้วยกันเพื่อพัฒนาผลผลิตใหม่ๆออกมา ปัจจุบันความรู้ด้าน STEM กำลังเป็นที่ต้องการเนื่องจากการแข่งขันด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของแต่ละประเทศที่สูงขึ้น ดังนั้น STEM จึงเป็นทักษะที่สำคัญอย่างหนึ่งที่เด็กใน Generation ใหม่ๆต้องพัฒนาและปรับตัวตาม
STEM กับระบบการศึกษา
ปัจจุบัน STEM ถูกนำมาใช้เป็นแนวทางการเรียนการสอนในโรงเรียนโดยเฉพาะในประเทศสหรัฐอเมริกาเพื่อปลูกฝังแนวความคิด เช่น วิธีการคิดแก้ปัญหา การออกแบบ การวิเคราะห์ และการสร้างสรรค์ผลงาน เป็นต้น การเรียนแบบ STEM นั้นสามารถเริ่มได้ตั้งแต่ชั้นอนุบาลเพื่อให้เด็กๆสนใจสิ่งต่างๆที่เกิดขึ้นในรอบตัวเพื่อให้เด็กกระตือรือร้นในการเรียนรู้ตลอดเวลา เนื่องจากการเรียนรู้แบบ STEM เป็นการเรียนรู้แบบบูรณาการซึ่งจะทำให้เด็กจะสามารถเลือกสิ่งที่สนใจในระดับมหาวิทยาลัยหรืออาชีพได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ในประเทศไทยนั้น สสวท (http://www.stemedthailand.org) เป็นหน่วยงานที่คอยให้การอบรมส่งเสริมคอยขับเคลื่อนการศึกษาแบบ STEM ให้เกิดขึ้น
ตัวอย่างโครงงานที่มีแนวทางการเรียนรู้แบบ STEM
- ประดิษฐ์รถยนต์ไฟฟ้า
- เครื่องไฮดรอลิค
- โครงงาน STEM อิเล็กทรอนิกส์
- นักคอมพิวเตอร์
- วิศวกร
- นักฟิสิกส์
- นักคณิตศาสตร์ประกันภัย
- เทคโนโลยีสารสนเทศ
- นักสถิติ
- นักคณิตศาสตร์
- นักชีวเคมี
- นักธรณีวิทยา
- นักเคมี
Reference:
- https://www.youtube.com/watch?v=fH5iLx_jCUk
- https://www.bestcolleges.com/careers/stem/
- https://www.youtube.com/watch?v=3_ooczaolRc