ถูก Lay off ก็เหมือนถูกหวย



     Lay off ก็คือการปลดพนักงานนั้นเอง แต่การที่บริษัทปลดพนักงานโดยไม่มีความผิดนั้น บริษัทจะต้องจ่ายเล่นชดเชิญให้กับพนักงาน เรื่องเล่าจากหนุ่มไอทีคนหนึ่ง ผ่านประสบการณ์ปลด พนักงาน(Layoff) มาแล้ว 3 ครั้ง รายรับได้จากการที่บริษัทจ้างออกนั้นมากกว่าล้าน เป็นไปได้หรือไม่ ทำไมถึงเป็นเช่นนั้น บทความนี้มีคำตอบ
     ก่อนอื่นมาดูกฎระเบียบของกฎหมายแรงงานกันก่อน คำว่าปลดพนักงานคือบริษัทนั้นจ้างออก พนักงานไม่มีความผิด ซึ่งตามกฎหมายแล้วบริษัทต้องจ่ายค่าชดเชิญให้กับพนักงานดังนี้

1. ลูกจ้างซึ่งทำงานติดต่อกันครบ 120 วัน แต่ไม่ครบ 1 ปี มีสิทธิได้รับค่าชดเชยเท่ากับค่าจ้างอัตราสุดท้าย 30 วัน
2. ลูกจ้างซึ่งทำงานติดต่อกันครบ 1 ปี แต่ไม่ครบ 3 ปี มีสิทธิได้รับค่าชดเชยเท่ากับค่าจ้างอัตราสุดท้าย 90 วัน
3. ลูกจ้างซึ่งทำงานติดต่อกันครบ 3 ปีแต่ไม่ครบ 6 ปี มีสิทธิได้รับค่าชดเชยเท่ากับค่าจ้างอัตราสุดท้าย 180 วัน
4. ลูกจ้างซึ่งทำงานติดต่อกันครบ 6 ปี แต่ไม่ครบ 10 ปี มีสิทธิ์ได้รับค่าชดเชยเท่ากับอัตราค่าจ้างสุดท้าย 240 วัน
5. ลูกจ้างซึ่งทำงานติดต่อกันครบ 10 ปีขึ้นไป มีสิทธิ์ได้รับค่าชดเชยเท่ากับค่าจ้างอัตราสุดท้าย 300 วัน

นี้คือรายได้ตามกฎหมายที่ทุกบริษัทต้องจ่ายเป็นขึ้นต่ำ แต่หากร่วมกันกับบริษัทไอทีข้ามชาติชื่อดังแล้ว บางทีบริษัทจ่ายให้มากกว่ากฎหมายแรงงานเพราะบริษัทต้องการรักษาชื่อเสียงของบริษัทไว้ ลองมาคำนวณเงินคร่าวๆจากการปลดพนักงานกันดูว่าจะเป็นอย่างไร

สมมติ : เงินเดือน 40,000 จริงแล้วเงินเดือนเริ่มต้นทำงานอาจจะน้อยแล้วค่อยๆเพิ่มขึ้นแต่ขอสมมติเป็นเลขกลมๆเป็น 40,000 เพื่อให้คิดง่าย

บริษัท A : ทำงาน 1 ปี
- จ่ายตามกฎหมาย 3 เดือน
- ค่าตกใจ 1 เดือน
- บริษัทสมทบเพิ่มเติมให้ 2 เดือน
- บริษัทสมทบกองทุนสำรองเลี้ยงชีพให้ 100% สมมติหักเงิน 5% จาก 40,000 คือเดือนละ 2,000 ปีหนึ่งก็ 24,000 บาท
รวมรายรับจาก package = (40,000 x 6) + 24,000 = 264,000 บาท

บริษัท B ทำงานมา 3 ปี
- จ่ายตามกฎหมาย 6 เดือน
- ค่าตกใจ 1 เดือน
- บริษัทสมทบเพิ่มเติม 1 เดือน
- บริษัทสมทบกองทุนสำรองเลี้ยงชีพให้ 100% สมมติหักเงิน 5% จาก 40,000 คือเดือนละ 2,000 ปี สามปีก็ 72,000 บาท
รวมรายรับจาก package = (40,000 x 8) + 72,000 = 392,000 บาท

บริษัท C ทำงานมา 4 ปี
- จ่ายตามกฎหมาย 6 เดือน
- ค่าตกใจ 1 เดือน
- บริษัทสมทบกองทุนสำรองเลี้ยงชีพให้ 100% สมมติหักเงิน 5% จาก 40,000 คือเดือนละ 2,000 ปี สี่ปีก็ 96,000 บาท
รวมรายรับจาก package = (40,000 x 8) + 72,000 = 376,000 บาท

รวมทั้งหมดก็ 1,032,000 บาท

     หลานคนก็คงตาสว่างว่าโอ้โหจำนวนเงินนั้นมันไม่น้อยเลยทีเดียว อยากโชคดีอย่างนี้บ้าง แต่มันก็คงไม่โชคดีขนาดนั้น บางคนก็คงต้องการความมั่นคงมากกว่าที่ต้องมานั่งหางานใหม่ เกิดไม่ได้งานทันทีจากกำไรก็อาจจะเป็นขาดทุนได้ ขึ้นอยู่กับว่าสามารถหางานได้เร็วแค่ไหน ถ้าเราเก่งมีความสามารถ พัฒนาตัวเองเสมอจะได้ package กี่รอบก็กำไร


ป้ายกำกับ

แสดงเพิ่มเติม

บทความยอดนิยม

Software Development Life Cycle (SDLC) คืออะไร ทำไมจำเป็นต่อการพัฒนาซอฟต์แวร์

Automation testing หรือ การทดสอบซอฟต์แวร์อัตโนมัติ คืออะไร ทำไมถึงสำคัญต่อการทดสอบซอฟต์แวร์

ม.ปลายอยากเข้าสายคอม วิทยาการคอม วิศวกรรมคอม เตรียมตัวอย่างไร ต้องมีพื้นฐานอะไรบ้าง

วิธีเก็บ วิเคราะห์ รวบรวม requirement อย่างไรให้มีประสิทธิภาพ

Performance Test คือ อะไร วัดประสิทธิภาพของระบบ ล่มไม่ล่ม จะรู้ได้อย่างไร

8 สิ่งที่ AI จะมาเปลี่ยนโลกในอนาคต

ถอดรหัสความลับเครื่อง Enigma จุดเริ่มต้นและจุดจบของสงครามโลกครั้งที่ 2